ย้อนรอยเมืองท่าอาหรับ-จีนโพ้นทะเล lanta อัญมณีแห่งเอเชีย

ชื่อ Lanta  สันนิษฐานว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “ลันตาส” ซึ่งเป็นภาษาชวา แปลว่าที่ย่างปลา เพราะในอดีต เกาะใหญ่แห่งนี้เป็นที่ที่ชาวเรือชวามักมาหยุดพักและย่างปลาเป็นอาหาร แล้วต่อมา เกาะนี้ก็เปลี่ยนฐานะมาเป็นเมืองท่าที่ชาวจีนและชาวอาหรับผู้แล่นเรือค้าขาย ในน่านน้ำภูเก็ต ปีนังสิงคโปร์และอินโดนีเซีย แวะขึ้นมาพักและทำการค้าขาย จนในที่สุดก็กลายเป็นชุมชนคึกคักเกาะลันตา ประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่และเกาะลันตาน้อย ห่างจากตัวเมืองกระบี่มาประมาณ 50 กิโลเมตร การเดินทางมาเกาะลันตา สามารถเดินทางได้จากทั้งทางเรือหรือแพขนานยนต์ โดยถ้านักท่องเที่ยวเดินทางมาเกาะลันตาโดยรถส่วนตัวหรือ รถตู้โดยสาร จะต้องลงแพขนานยนต์ 2 ช่วง ช่วงแรก จะเป็นช่วงแพที่ข้ามจากแผ่นดินใหญ่ มายังเกาะลันตาน้อย และแพขนานยนต์ช่วงที่สองคือเกาะลันตาน้อยมายังเกาะลันตาใหญ่ โดยธุรกิจทางด้านท่องเที่ยวจะอยู่ในเกาะลันตาใหญ่ทั้งหมด ด้วยเพราะสภาพเกาะที่มีหาดทรายจำนวนหลายหาด และทุกหาดสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้เหมือนกันหมด 

อำเภอเกาะลันตา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในระดับโลก โดยเฉพาะในประเทศแถบยุโรปและสแกนดิเนเวีย เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวยุโรปนิยมมาท่องเที่ยวและพักผ่อนยังเกาะลันตาใหญ่ ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาะลันตาใหญ่ มีอัตราการเจริญเติบโตสูงอันดับต้นของประเทศและของภูมิภาค

นอกจากโรงแรมและรีสอร์ตระดับ 5 ดาว ที่มีอยู่ยังไม่สามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนั้นยังได้มีการลงทุนในที่อยู่อาศัยระดับหรูมูลค่าสูง ประเภทวิลล่า และบ้านพักตากอากาศในพื้นที่เกาะลันตาเป็นจำนวนมาก และในอนาคตอันใกล้คาดว่าจะมีโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวระดับ ไฮคลาส ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่จะเดินทางมาเที่ยวยังเกาะลันตา เนื่องจากมีโครงสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมในทุกด้านเช่น สนามบินนานาชาติ ท่าเรือยอร์ช และโครงการยอร์ชมาริน่าซึ่งจะเกิดขึ้น และเป็นที่น่ายินดีที่เกาะลันตาได้มีโอกาสต้อนรับบุคคลที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนยังเกาะลันตา   ดาราฮอลลีวูดระดับโลกที่เคยมาท่องเที่ยวที่พักผ่อนยังเกาะที่ได้ชื่อว่"เกาะอัญมณีแห่งเอเชีย" อันเป็นสมญานามที่เป็นที่กล่าวถึงในระดับโลกอยู่ในขณะนี้

ล่าสุดนิตยสารฟอบส์ได้จัดอันดับเกาะลันตาใหญ่ให้เป็น 1 ใน 6 เกาะที่น่าเดินทางมาพักผ่อนและท่องเที่ยวที่สุดในโลก

เกาะลันตาใหญ่มีลักษณะยาว จากเหนือ จรดใต้ มีถนนคอนกรีตลาดยาวรอบเกาะ ยกเว้นทางไปที่ตั้งอุทยานแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นถนนขรุขระอยู่ประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเข้าไปชมอุทยาน ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่พอสมควร

เมื่อหาดทั้งหมดของเกาะลันตา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก นักท่องเที่ยวจึงสามารถที่จะชมพระอาทิตย์ตกน้ำได้จากทุกหาดเหมือนๆกัน ทุกเย็นตามริมชายทะเล บาร์เบียร์และโรงแรมร้านค้าจะเริ่มเปิดเพลงแนวสบายๆ นักท่องเที่ยวนิยมนำเครื่องดื่มแก้วโปรด มานั่งเล่นตามชายหาดเพื่อชมพระอาทิตย์ตกน้ำ บางก็จะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวประมงที่กลับจากการหาปลา จะล่องเรือหางยาวลำเล็กกลับบ้านให้ทันก่อนมืด

เมื่อนักท่องเที่ยวขี่รถมอเตอร์ไซค์เที่ยวชมรอบเกาะ ตามถนนคอนกรีต จะมีทางแยกเล็กๆตรงบริเวณหมู่บ้านพระแอะ เส้นทางประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทาง ที่จะนำนักท่องเที่ยวไปสู่หมู่บ้านสังกาอู้ อันเป็นที่ตั้งของชาวไทยใหม่หรือชาวเล และชุมชนเก่า ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาล ลานตา ลันตาของทุกๆปี ตามเส้นทางนี้ นักท่องเที่ยวจะผ่านแนวทิวเขา และการทำสวนยางพาราของชาวบ้านมุสลิม นักท่องเที่ยวสามารถจอดชม และแวะเข้าไปดูวิธีการผลิตจากน้ำยางออกเป็นแผนยางได้

เมื่อเดินทางถึงชุมชนเก่าเกาะลันตา สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้คือ การเข้าไปนมัสการกรมหลวงชุมพรฯ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่เคารพรักของชาวบ้านในแถบชุมชนเมืองเก่า และตลอดสองข้างทางของชุมชนเมืองเก่าเกาะลันตาจะเรียงรายไปด้วยบ้านคนที่ยังคงลักษณะ การตกแต่งสถาปัตยกรรมตามแบบบ้านจีนโบราณ มีร้านค้าเก๋ๆ ขายกาแฟและอาหารทะเล รวมไปทั้งของที่ระลึก ของฝากจากเกาะลันตา ก็สามารถหาซื้อได้จากที่นี่เช่นกัน

เมื่อถึงชุมชนเก่าแล้ว ใกล้กันนั่นอีกนิดเดียวก็เป็นชุมชนของชาวเล หรือ ชาวไทยใหม่ กลุ่มสุดท้ายในเกาะลันตา ซึ่งตั้งรกรากที่นั่นอยู่ประมาณ 50 กว่าหลังคาเรือน เราสามารถเข้าไปชมวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ของชาวบ้านชาวเลได้ เพราะพวกเขาดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ออกเรือ หาปลา เลี้ยงสัตว์ทำสวนเล็กน้อย บ้างก็หาหอยและปูตามแนวโขดหินใกล้ชุมชน เมื่อคราน้ำทะเลลด โดยใช้หินแหลมที่นำมาแงะเอาหอยตามซอกหิน ใส่กะละมังที่เตรียมไว้เอาไปประกอบอาหารอันโอชะในค่ำคืนนั่น

เกาะlanta มีช้างให้บริการนำเที่ยวในผืนป่าของชาวเกาะลันตา ที่ถนนพระแอะ , ถ้ำไม้แก้ว และที่ผืนป่าสู่น้ำตกในเกาะลันตา ตรงบริเวณหาดคลองจาก ก่อนถึงอ่าวไม้ไผ่ หรือ หาดลาสท์บีช

lantaมีความอุดมของผืนป่าอยู่มาก เพราะบนเกาะมีอุทยานแห่งชาติทางทะเลหมู่เกาะลันตา ที่ดูแลความเรียบร้อยของท้องทะเลในแถบนี้ และรวมไปถึงผืนป่าในระแวกนี้ด้วย

กิจกรรมขี่ช้าง ท่องป่า เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวทั้งไทย และฝรั่งนิยมกันมากเหมือนกัน เพราะนอกจากการได้นั่งช้างชมความสมบูรณ์ของผืนป่า ที่แตกต่างไปแต่ละเส้นทางของแต่ละทัวร์แล้ว ต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป บางทัวร์มีโชว์ช้าง บางทัวร์มีการพาเดินสำรวจถ้ำและเส้นทางสู่น้ำตกของเกาะลันตา

ชุมชนเมืองเก่า ยังเป็นที่ตั้งของประภาคารหลังใหม่ที่มีความสูงราวตึก สิบชั้นตั้งตระหง่านโดดเด่น อยู่เหนือผืนดินใกล้ท่าเรือหางยาวของชาวบ้าน แต่ประภาคารหลังนี้ เป็นประภาคารหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างได้ไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเป็นประภาคารคนละหลัง ซึ่งเคยเกริ่นเอาไว้ว่าเป็นประภาคารสัญลักษณ์ของเกาะลันตา เพราะประภาคารหลังที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาลันตานั่น คือ ประภาคารสีขาว ซึ่งตั้งอยู่บนเนินของแหลมโตนด ที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ถ้านักท่องเที่ยวเดินทางจากถนนคอนกรีตสายหลัก จากบ้านศาลาด่าน ตรงไปเรื่อยๆจนถึงทางแยกซึ่งเป็นแยกที่มีป้ายบอกทางว่า ทางไปหาดคลองนิน เข้าไปตามเส้นทางนั่นได้ประมาณไม่ถึงครึ่งทาง สุดทางจะเป็นหาดบากันเตียง หรือสุดทางถนนคอนกรีตพอดี จะเป็นทางถนนดินแดงและสูงชัน ไปตลอดระยะทางสิบกว่ากิโลเมตร เพื่อเข้าสู่หาดอ่าวไม้ไผ่, หาดลาดส์บีช และหาดแหลมโตนด หาดสุดท้ายของเกาะลันตา ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมที่จะเช่ารถโฟวีลเข้ามาชม ความงามของหาดแหลมโตนด อันได้ชื่อว่า เป็นหาดหินและมีหินรูปร่างแปลกตามากมาย อีกทั้งยังสามารถขึ้นไปบนเนินชมประภาคารและชมวิว จากจุดบนเนินของประภาคาร ซึ่งสามารถมองเห็นหาดได้รอบ หรือจะเลือกเดินชมพืชพันธุ์ป่าไม้ และสัตว์ป่าจำพวกนกแะลิง ซึ่งมีอยู่มากมาย และคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี เพราะตามทางเดินในเขตป่าสงวนของทางอุทยาน มีทางเดินคอนกรีตขนาดเล็กเดินได้รอบอุทยาน ฯ เช่นกัน

ทางอุทยานฯ มีบริการเต้นท์ที่พัก ห้องน้ำ และร้านอาหาร ให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเข้าพักค้างแรม แคมปิ้ง ในอุทยานฯ ในราคาที่ไม่แพง เคยมีนัท่องเที่ยวที่เคยไปพักค้างแรมที่อุทยานฯ กล่าวว่า พระอาทิตย์ขึ้นที่อุทยานฯเกาะลันตา ตรงแหลมโตนดนั่น สวยงามที่สุดเกินกว่าสถานที่ไหนๆจริงๆ

ร่วมสำรวจเกาะลันตาในแบบคุณ ไม่ว่าจะลองเช่ามอเตอร์ไซค์สักคัน เลียบไปตามถนนคอนกรีตรอบเกาะ เรียนรู้และชมการใช้ชีวิตของชาวไทยใหม่อันน่าทึ่ง และเที่ยวชมชุมชนเมืองเก่าเกาะลันตา ที่มีอายุร่วมกว่าร้อยปี ด้วยยังคงสถาปัตยกรรมบ้านไม้จีนโบราณ ตกแต่งบ้านเรือนด้วยโคมไฟจีนและโคมไฟโบราณตามถนน สัมผัสการอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีไมตรีจิตของผู้คนซึ่งแตกต่างกันของชาวไทยมุสลิม ไทยจีนและชาวไทยใหม่ได้อย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง หรือ จะเช่ารถรถจี๊ป โฟว์วีล สำรวจเส้นทางสู่อุทยานแห่งชาติทางทะเลเกาะลันตา ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้สุดของเกาะลันตา เข้าไปทางถนนสู่หาดคลองนิน และหาดบากันเตียง เมื่อสิ้นสุดถนนคอนกรีต จะเข้าสู่เส้นทาง อันน่าท้าทาย ด้วยถนนดินแดง ขรุขระ ลาดสูง ซึ่งนักท่อเงที่ยวควรระมัดระวังอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่หัดขับ หรือ มีน้อยประสบการณ์ในการขับรถ ทั้งโฟวีลและมอเตอร์ไซค์ ถนนเส้นนนี้ มีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร และสุดทางสายนี้ เป็นที่ตั้งของอุทยานฯแห่งชาติ หมูเกาะลันตา และประภาคารขาว สัญลักษณ์ของเกาะลันตานั่นเอง

ผู้คนเกาะลันตา มีความผสมผสานกันหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งจีน ไทย มุสลิม และชาวไทยใหม่ ชาวบ้านและผู้คนส่วนใหญ่ของเกาะลันตานอกจากจะประกอบอาชีพเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีการประกอบอาชีพประมงและทำสวนเล็กน้อยกันเอง ภายในครอบครัว

เมื่อเกาะลันตา มีความเจิญเติบโตขึ้นทุกวัน และเป็นที่รู้จักทั้งในนักท่องเที่ยวและนักลงทุน จึงทำให้เกาะลันตามีความเจริญและเป็นที่ท่องเที่ยงแห่งใหม่มาแรงที่สุดในขณะนี้


อูรังลาโว้ย  เป็นชาวเลกลุ่มใหญ่ที่มีถิ่นฐานบนเกาะสิเหร่ และที่หาดราไวย์ บ้านสะปำ จังหวัดภูเก็ต จนถึงทางใต้ของเกาะพีพีดอนเกาะลันตาใหญ่ จังหวัดกระบี่  เกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ เกาะราวี จังหวัดสตูล และบางส่วนอยู่ที่เกาะลิบง จังหวัดตรัง นอกจากนี้ยังอาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศมาเลเซีย

ชาวเลกลุ่มอูรังลาโว้ยมีภาษาที่แตกต่างกับกลุ่มมอแกนและมอแกลน แม้จัดอยู่ในตระกูลออสโตรนีเชียน เช่นเดียวกัน พิธีกรรมสำคัญของอูรังลาโว้ยคือ การลอยเรือ "ปลาจั๊ก" เพื่อกำจัดเคราะห์ร้ายออกไปจากชุมชน

ในปัจจุบัน ชาวเลกลุ่มอูรังลาโว้ยตั้งถิ่นฐานอย่างถาวร หันมาประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง รับจ้างทำสวน และอาชีพอื่น ๆ ซึมซับวัฒนธรรมไทยมากขึ้น และเรียกขานตัวเองว่า ไทยใหม่

อุรังลาโว้ย มีความหมายว่า "คนทะเล" มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ในอดีตชาวอุรังลาโว้ยอาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาฆูนุงฌึไร ในแถบชายฝั่งทะเลในรัฐเกดะห์ (ไทรบุรี) จากนั้นก็เร่ร่อนเข้ามาสู่ในน่านน้ำไทย แถบทะเลอันดามัน ในช่วงแรกยังมีวิถีชีวิตแบบเร่ร่อน โดยอาศัยเรือไม้ระกำเป็นที่อยู่และพาหนะ พวกเขาใช้กายัก หรือแฝกสำหรับมุงหลังคาเป็นเพิงอาศัยบนเรือ หรือเพิงพักชั่วคราวตามชายหาดในฤดูมรสุม

ชาวอุรักลาโว้ยยังชีพด้วยการท่องเรือตามหมู่เกาะ กลุ่มละ 5-6 ลำ บางครั้งพวกเขาก็จะขึ้นเกาะมาเพื่อหาของป่า แต่ส่วนใหญ่จะล่าสัตว์ทะเลด้วยเครื่องมือง่ายๆอย่าง ฉมวก สามง่าม เบ็ดพวกเขามีความสามารถในการดำน้ำทะเลลึกเพื่อแทงปลาหรือจับกุ้งมังกรด้วยมือเปล่าและดำน้ำเก็บหอยจากก้นทะเล

ตามตำนานเล่าว่าชาวอุรังลาโว้ยเคยมีบรรพบุรุษเดียวกับชาวมอแกนและเป็น กลุ่มชาติพันธุ์ที่เร่ร่อนในทะเลมานาน พวกเขาใช้ภาษาอูรังลาโว้ยเป็นภาษาพูด พวกเขาเชื่อกันว่าเกาะลันตาเป็นสถาที่แรกที่ชาวอุรังลาโว้ยตั้งถิ่นฐาน เปรียบเสมือนเมืองหลวงของพวกเขาเลยทีเดียว แต่พวกเขาก็ยังอพยพเร่ร่อนอยู่เรื่อยๆ โดยโยกย้ายไปตามหมู่เกาะต่างๆ และตั้งถิ่นฐานที่เกาะนั้นๆ และกลับมาที่เดิม แต่ทุกกลุ่มยังคงมีความสัมพันธ์ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ถือว่าเป็นสังคมเครือญาติใหญ่

ปัจจุบันพวกเขาตั้งบริเวณเกาะสิเหร่ หาดราไวย์ แหลมหลาเหนือ และบ้านสะปำ ในจังหวัดภูเก็ต เกาะพีพี เกาะจำ เกาะปู เกาะไหว และเกาะลันตาใหญ่ ในจังหวัดกระบี่

ขอบคุณข้อมูลสาธารณะhttp://th.wikipedia.org/wiki
 

แก้ไขล่าสุด (วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2022 เวลา 16:41 น.)